Select your language TH EN
เภสัชวัตถุ พืชวัตถุ  thai-herbs.thdata.co thdata.co

อ่านบทความอัตโนมัติ



ชื่อไทย: เถาคุย

ชื่อท้องถิ่น: กะตังกะติ้ว (ภาคกลาง)/ หมากยาง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี)/ ตังตู้เครือ (ลำปาง)/ คุยช้าง (ปราจีนบุรี)/ คุยหนัง (ระยอง, จันทบุรี)/ อีคุย (ปัตตานี)/ โพล้พอ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)/ อากากือเลาะ (มลายู-ปัตตานี)/ ต้นคุย เถาคุย เครือ (ไทย)

ชื่อสามัญ: -

ชื่อวิทยาศาสตร์: Willughbeia edulis Roxb.

ชื่อวงศ์:  APOCYNACEAE

สกุล:  Willughbeia 

สปีชีส์: edulis 

ชื่อพ้อง: 

-Ambelania edulis (Roxb.) J.Presl

-Ancylocladus cochinchinensis Pierre

-Ancylocladus curtisianus Pierre

-Ancylocladus edulis (Roxb.) Kuntze

-Pacouria roxburghii Kostel.

-Willughbeia curtisiana (Pierre) K.Schum.

-Willughbeia dulcis Ridl.

-Willughbeia gudara Steud.

-Willughbeia kontumensis

-Willughbeia martabanica Wall.

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:

เถาคุย thai-herbs.thdata.co | เถาคุย สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ต้นคุย เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งรอเลื้อยขนาดใหญ่ เลื้อยไปได้ไกลประมาณ 10-15 เมตร มีลำเถาที่ใหญ่และแข็งแรงมาก แตกกิ่งก้านสาขาจำนวนมาก มีมือยึดเกาะ เปลือกลำต้นเกลี้ยงเป็นสีน้ำตาล ทุกส่วนของต้นจะมีน้ำยางสีขาวขุ่น 


เถาคุย thai-herbs.thdata.co | เถาคุย สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ไปตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูปรี รูปขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมและเป็นติ่ง โคนใบเป็นรูปลิ่มถึงมน ส่วนขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-14 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียว เนื้อใบหนา ผิวใบด้านบนเกลี้ยงเป็นมัน ส่วนด้านล่างมีขนนุ่มเล็กน้อย มีเส้นแขนงใบประมาณ 15-16 คู่ ก้านใบมีร่องอยู่ด้านบน ก้านใบยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร


เถาคุย thai-herbs.thdata.co | เถาคุย สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจุก โดยจะออกบริเวณซอกใบและที่ปลายยอด ยาวประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มีขนเล็กน้อย ช่อดอกจะมีดอกย่อยประมาณ 5-6 ดอก ก้านดอกยาวประมาณ 1-3 มิลลิเมตร มีขนสั้นกระจายอยู่ทั่วไป มีใบประดับ 1 อัน รองรับ ดอกหรือช่อดอกมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ มีขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1-2.5 มิลลิเมตร ตามขอบมีขนครุย กลีบเลี้ยงดอกเชื่อมติดกัน ยาวได้ประมาณ 4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก โคนหลอดกลีบเป็นรูปถ้วยสั้น ๆ ปลายแฉกมนเป็นรูปไข่ มีขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ตามขอบมีขนครุย กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน สีขาวปนสีเหลือง เรียงบิดเวียนแบบขวาทับซ้าย ส่วนแฉกยาวประมาณ 9-12 มิลลิเมตร และหลอดยาวประมาณ 6-7 มิลลิเมตร ผิวเกลี้ยงหรือมีขนเล็กน้อยบริเวณปลายกลีบด้านนอก ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน อับเรณูยาวประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร ติดด้านหลัง ก้านชูอับเรณูมีขนาดสั้น สีเหลืองเกลี้ยง ส่วนเกสรเพศเมีย รังไข่กึ่งใต้วงกลีบ มี 1 คาร์เพล 1 ช่อง 23-46 ออวุล รังไข่ยาวได้ประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร เกลี้ยง ยอดเกสรเพศเมียแยกแฉก 2 แฉกตื้น ๆ สีเหลืองและมีขนเล็กน้อย เมื่อดอกบานจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร


เถาคุย thai-herbs.thdata.co | เถาคุย สรรพคุณ สมุนไพร ไทย  เถาคุย thai-herbs.thdata.co | เถาคุย สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ผล ลักษณะของผลเป็นผลสดมีเนื้อ รูปทรงกลมหรือรูปไข่ เปลือกผลหนา ผิวเกลี้ยง มีขนาดประมาณ 5.8-7.2 เซนติเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองถึงส้ม เปลือกหุ้มผลมีน้ำยางสีขาวมาก ลักษณะเหนียว ก้านผลยาวได้ประมาณ 0.8-1.2 เซนติเมตร และมีขนเล็กน้อย ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 1-3 เมล็ด เนื้อผลลื่นติดกับเมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไข่ มีขนาดกว้างประมาณ 1.2-1.6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.9-2.8 เซนติเมตร

สภาพนิเวศวิทยา: พบได้ตามป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าโปร่ง และป่าเบญจพรรณ

ถิ่นกำเนิด: อัสสัมไปจนถึงมลายู

การกระจายพันธุ์: อัสสัม, บังกลาเทศ, กัมพูชา, ลาว, มาลายา, เมียนมาร์, เกาะนิโคบาร์, ไทย, เวียดนาม

เถาคุย thai-herbs.thdata.co | เถาคุย สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

การปลูกและการขยายพันธุ์: ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

สรรพคุณ:

-ตำรายาไทย

*เถา รสฝาด สรรพคุณ แก้เม็ดประดง ขับลมในข้อขัด แก้ปวดข้อและแท่งกระดูก

*ราก รสฝาดเย็น สรรพคุณ แก้มือเท้าอ่อนเพลีย

องค์ประกอบทางเคมี: -

การศึกษาทางเภสัชวิทยา: -

การศึกษาทางพิษวิทยา: -

การใช้ประโยชน์:

-ตำรับยาพื้นบ้านอีสานจะใช้ลำต้นคุยผสมกับลำต้นม้ากระทืบโรง ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง และเป็นยาอายุวัฒนะ 

-ตำรับยาพื้นบ้านภาคใต้จะใช้ลำต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้น้ำเหลืองเสีย 

-ตำรับยาพื้นบ้านภาคกลางจะใช้ลำต้นผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ลมคั่งข้อ

-โรคบิด ใช้เถา ลำต้น หรือรากนำมาต้มดื่มเป็นยารักษาโรคบิด

-อาการปวดศีรษะ เปลือกต้นมีรสฝาด ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ 

-อาการเจ็บคอ ใช้รากมีรสฝาดใช้ต้มดื่มเป็นยาแก้เจ็บคอ เจ็บหน้าอก

-อาการมือเท้าอ่อนเพลีย ใช้ลำต้นต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้มือเท้าอ่อนเพลีย ส่วนรากและเถาก็มีสรรพคุณแก้มือเท้าอ่อนเพลียได้เช่นกัน 

-อาการประดงเข้าข้อ ใช้เถาหรือลำต้นมีรสฝาด นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ประดงเข้าข้อ ลมขัดในข้อ ลมขัดในกระดูก 

-ผลสุก มีรสเปรี้ยวอมหวาน ใช้รับประทาน ช่วยหล่อลื่นลำไส้ ทำให้ขับถ่ายได้สะดวก

-ผลดิบ มีรสเปรี้ยวฝาด ใช้ผลดิบตากแห้งย่างไฟ แล้วป่นนำมาผสมกับน้ำ ใช้เป็นยาทาแผล

-น้ำยาง ใช้ทำเป็นกาวสำหรับดักจับแมลง เช่น จักจั่น ด้วยการใช้น้ำยางจากพืช 3 ชนิด คือ ยางเถาคุย ยางไทร และยางมะเดื่อหรือยางขนุน นำมาผสมในอัตราส่วนอย่างละเท่า ๆ กัน จากนั้นให้เติมน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันโซล่า แล้วนำไปเคี่ยวจนกระทั่งน้ำยางข้นเหนียว ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงนำมาใช้เป็นกาวได้

-ในประเทศมาเลเซียจะนำรากมาต้มกับน้ำกินเป็นยารักษาโรคดีซ่านที่เกิดจากโรคมาลาเรีย 



ข้อมูลในระบบนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ ประกอบการเรียนการสอน | copyright © thai-herbs.thdata.co

สร้างบทความของคุณ โดยวิธีการง่ายๆ



แชร์ข้อมูล




ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง