Select your language TH EN
เภสัชวัตถุ พืชวัตถุ  thai-herbs.thdata.co thdata.co

อ่านบทความอัตโนมัติ



ชื่อไทย: ผักโขมหิน (ผักขมหิน)

ชื่อท้องถิ่น: ผักขมหิน (ภาคกลาง)/ ผักปั๋งดิน (เชียงใหม่)/ ผักขมฟ้า (สุโขทัย)/ นังกู่แซ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)/ ผักเบี้ยหิน ปังแป ผักปังแป (ภาคเหนือ)/ ผักเบี้ยใหญ่, ผักโหมฟ้า ผักโขมหิน (อื่นๆ)

ชื่อสามัญ: Pigweed, Spreading hog weed

ชื่อวิทยาศาสตร์: Boerhavia diffusa L.

ชื่อวงศ์: NYCTAGINACEAE

สกุล: Boerhavia 

สปีชีส์: diffusa 

ชื่อพ้อง: 

-Axia cochinchinensis Lour.

-Boerhavia adscendens Willd.

-Boerhavia africana Lour.

-Boerhavia caespitosa Ridl.

-Boerhavia ciliatobracteata Heimerl

-Boerhavia coccinea var. leiocarpa (Heimerl) Standl.

-Boerhavia decumbens Vahl

-Boerhavia diffusa var. leiocarpa (Heimerl) C.D.Adams

-Boerhavia diffusa var. pubescens Choisy

-Boerhavia laxa Pers.

-Boerhavia obtusifolia Steud.

-Boerhavia paniculata Lam.

-Boerhavia paniculata Rich.

-Boerhavia paniculata f. esetosa Heimerl

-Boerhavia paniculata var. guaranitica Heimerl

-Boerhavia paniculata var. leiocarpa (Heimerl) Heimerl

-Boerhavia repens var. diffusa (L.) Hook.f.

-Boerhavia rottleri Steud.

-Boerhavia rugosa Rottler ex Wall.

-Boerhavia xerophila Domin

-Commicarpus africanus (Lour.) Dandy

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:

ผักโขมหิน thai-herbs.thdata.co | ผักโขมหิน สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ผักโขมหิน thai-herbs.thdata.co | ผักโขมหิน สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ต้นผักโขมหิน เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นมีลักษณะทอดเลื้อยขนานไปตามพื้นดินชูยอดขึ้น สูงได้ถึง 1 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านมาก ผิวเรียบหรือมีขนบริเวณปลายกิ่ง ลักษณะต้นกลมเป็นสีเขียวปนแดง ยอดอ่อนมีขน 


ผักโขมหิน thai-herbs.thdata.co | ผักโขมหิน สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกัน แผ่นใบมีขนาดไม่เท่ากัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่แกมขอบขนานหรือรูปใบหอก ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบเป็นรูปลิ่มหรือมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวค่อนข้างหนา ท้องใบมักมีสีอ่อนกว่าหลังใบ มีต่อมสีแดงตามแนวขอบใบ

 ผักโขมหิน thai-herbs.thdata.co | ผักโขมหิน สรรพคุณ สมุนไพร ไทย


ดอก ออกดอกเป็นช่อกระจุกคล้ายซี่ร่มรวมกันเป็นช่อแยกแขนง โดยจะออกบริเวณซอกใบและที่ปลายกิ่ง ก้านช่อดอกมีขน ดอกย่อยมีหลายดอก กลีบรวมเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง ดอกมีทั้งสีขาว สีชมพู และสีแดง กลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ปลายแยกออกเป็น 10 กลีบ ปลายมน กลีบรวมมีขนาดยาวประมาณ 0.2 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ 2-3 อัน ยื่นพ้นกลีบรวมเล็กน้อย

 ผักโขมหิน thai-herbs.thdata.co | ผักโขมหิน สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ผล ลักษณะผลเป็นผลแห้ง มีส่วนโคนกลีบรวมหุ้มอยู่ ลักษณะของผลเป็นรูปกระบอง ขอบผลเป็นสัน 5 สัน ตื้น ๆ มีต่อมทั่วไป ผลมีขนาดยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ผิวผลมีขนเมื่อจับดูจะรู้สึกเหนียวมือ

สภาพนิเวศวิทยา: พบขึ้นทั่วไปในเขตร้อน พื้นที่รกร้างและข้างถนน

ถิ่นกำเนิด: เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน

การกระจายพันธุ์: -

ผักโขมหิน thai-herbs.thdata.co | ผักโขมหิน สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

การปลูกและการขยายพันธุ์: ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

สรรพคุณ:

-ตำรายาไทย

*ต้น รสเผ็ดร้อน สรรพคุณ ผายลมผายเรอ แก้เสมหะและดีพิการ

องค์ประกอบทางเคมี: 

-พบสาร alanine, arachidic acid, aspartic acid, behenic acid, boeravinone A, B, C, D, E, borhavine, flavone, glutamic acid, histidine, leucine, methionine, oleic acid, oxalic acid, palmitic acid, proline, punarnavine, serine, theonine, tyrosine, ursolic acid, valine, xyloseเป็นต้น

การศึกษาทางเภสัชวิทยา: 

-ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด จากการทดลองโดยใช้สารสกัดทั้งต้นด้วยน้ำและเอทานอล นำมาฉีดเข้าช่องท้องของหนูถีบจักร พบว่าสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

-เมื่อปี ค.ศ.1996 ประเทศอินเดีย ได้ทำการทดลองผลของสมุนไพรผักขมหิน โดยทำการทดลองในกระต่ายที่ถูกทำให้เป็นเบาหวาน จากการกระตุ้นด้วยสาร alloxan โดยทำการเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน (tolbutamide, glibenclamide) พบว่าภายในเวลา 8 ชั่วโมง สามารถให้ผลลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เทียบเท่ากับยา tolbutamide

-ฤทธิ์ต้านมะเร็งเต้านมที่เกี่ยวข้องกับผลของเอสโตรเจน จากการศึกษาฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเซลล์และฤทธิ์ต้านเอสโตรเจนของผักขมหิน ในเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด MCF-7 โดยทดสอบกับสารสกัดเมทานอลของผักขมหิน (BME) ความเข้มข้นตั้งแต่ 20 – 320 มคก./ล. พบว่าสารสกัดดังกล่าว มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ MCF-7 ได้ตั้งแต่ระดับปานกลางถึงระดับสูง และ BME สามารถเข้าแย่งจับกับตัวรับเอสโตรเจนแบบแข่งขันกับสาร [3H]-estradiol และพบว่า BME ลดการแสดงออกของยีน pS2 ซึ่งบ่งบอกถึงฤทธิ์ต้านเอสโตรเจน นอกจากนี้ยังทำให้เซลล์ MCF-7 อยู่ในช่วง G0 - G1 ของวัฏจักรของเซลล์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ช่วงอื่น ๆ ลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกิด cell cycle arrest ที่ระยะ G0-G1 จากผลการทดลองจึงสามารถสรุปได้ว่าผักขมหินน่าจะมีฤทธิ์ต้านมะเร็งเต้านมที่เกี่ยวข้องกับผลของเอสโตรเจน

การศึกษาทางพิษวิทยา: 

-จากการทดสอบความเป็นพิษ โดยใช้สารสกัดทั้งต้นด้วยน้ำและเอทานอล พบว่าในขนาดสูงสุดที่สัตว์ทดลองทนได้คือ 1 กรัมต่อกิโลกรัม ถ้าใช้สารสกัดจากรากด้วยน้ำ พบว่าขนาดที่ทำให้หนูถีบจักรตายครึ่งหนึ่ง (LD50) คือ 298 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

การใช้ประโยชน์:

-ตำรายาพื้นบ้านทางภาคอีสานจะใช้ใบนำมาตำพอกรักษาฝี

-ช่วยขับลม ทำให้เรอ ใช้ต้น ราก และใบนำมาต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น

-ใบ สามารถนำมารับประทานเป็นผัก ใช้ลวกจิ้มกับน้ำพริก โดยเฉพาะคนที่มีฐานะยากจนในหลายประเทศ เช่น อินเดีย ศรีลังกา และไทย

-ในประเทศออสเตรเลียถือว่าผักขมหินเป็นวัชพืชชั้นดีที่ใช้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงวัวและแกะ




ข้อมูลในระบบนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ ประกอบการเรียนการสอน | copyright © thai-herbs.thdata.co

สร้างบทความของคุณ โดยวิธีการง่ายๆ



แชร์ข้อมูล




ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง