Select your language TH EN
เภสัชวัตถุ พืชวัตถุ  thai-herbs.thdata.co thdata.co

อ่านบทความอัตโนมัติ



ชื่อไทย: รักใหญ่

ชื่อท้องถิ่น: รัก (ภาคกลาง)/ รักเทศ มะเรียะ (เชียงใหม่)/ น้ำเกลี้ยง (สุรินทร์)/ ฮักหลวง (ภาคเหนือ)/ รัก ซู้ สู่ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)/ ฮัก รักหลวง (ทั่วไป)

ชื่อสามัญ: Red zebra wood, Vanish tree, Burmese lacquer tree, Burmese vanish wood, Black lacquer tree, Thai vanish wood

ชื่อวิทยาศาสตร์: Gluta usitata (Wall.) Ding Hou

ชื่อวงศ์: ANACARDIACEAE

สกุล: Gluta 

สปีชีส์: usitata

ชื่อพ้อง:

-Melanorrhoea usitata Wall.

-Melanorrhoea usitatissima Steud.

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:

รักใหญ่ thai-herbs.thdata.co | รักใหญ่ สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ต้นรักใหญ่ เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของต้นประมาณ 15-20 เมตร และอาจสูงได้ถึง 25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มค่อนข้างกลม เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลปนสีเทา เปลือกแตกเป็นร่องตามยาว ส่วนเปลือกชั้นในเป็นสีชมพูอ่อน กิ่งอ่อนและยอดปกคลุมไปด้วยขนยาวสีขาวหนานุ่ม ส่วนกิ่งแก่เกลี้ยงหรือมีขนสั้น ๆ 


รักใหญ่ thai-herbs.thdata.co | รักใหญ่ สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเป็นกลุ่มตอนปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ หรือรูปขอบขนานแกมรูปรี ปลายใบแหลมหรือกลม โคนใบมนหรือเป็นรูปลิ่ม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3.5-12 เซนติเมตร และยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร แผ่นใบหนาคล้ายกับแผ่นหนัง ใบแก่เป็นสีเขียวเข้ม มีไขปกคลุม ตามผิวใบมีขนสีน้ำตาลทั้งสองด้าน โดยเฉพาะใบอ่อนจะมีขนปกคลุมอยู่หนาแน่น หลังใบมีขนสีน้ำตาลขึ้นประปราย ส่วนท้องใบมีขนหนาแน่นแต่จะหลุดไปเมื่อใบแก่เต็มที่ ใบมีเส้นแขนงข้างละ 15-25 เส้น มีลักษณะนูนชัดเจนทางด้านบน เป็นแบบร่างแหชัดเจนทางด้านล่าง ส่วนก้านใบยาวประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร


รักใหญ่ thai-herbs.thdata.co | รักใหญ่ สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบแยกแขนง โดยจะออกตามปลายกิ่งหรือใกล้กับปลายกิ่งและซอกใบ มักทิ้งใบก่อนการออกดอก โดยดอกจะเริ่มบานจากสีขาว แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูและสีแดงสด โดยจะออกดอกเป็นกลุ่มช่อหนาแน่นตามซอกใบช่วงบน ช่อดอกมีความยาวได้ถึง 35 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกย่อยยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร มีขนสั้นและนุ่ม สีน้ำตาลปกคลุมอยู่ ดอกย่อยมีจำนวนเยอะมาก ดอกตูมจะมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน มีขนาดกว้างประมาณ 2.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร มีขนอยู่ประปราย ที่ปลายมีขนเป็นกระจุก กลีบดอกเป็นสีขาวมีแถบสีเหลืองแกมเขียวตรงกลาง กลีบดอกมีประมาณ 5-6 กลีบ แผ่กว้าง ปลายกลีบแคบแหลม หลังกลีบมีขน ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ เชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก ในดอกที่แก่แล้วกลีบเลี้ยงจะมีรูปร่างคล้ายหมวก มีขนาดกว้างประมาณ 0.7-1.8 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 3-7.5 มิลลิเมตร สีแดง มี 5 กลีบ ผิวด้านในมีขนสั้นและนุ่ม กลีบดอกเป็นรูปขอบขนาน มีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร ปลายกลีบแหลมหรือมน มีขนหนาแน่น กลีบดอกจะขยายขนาดขึ้นและกลายเป็นปีกเมื่อติดผล จานฐานดอกเกลี้ยง ดอกมีเกสรเพศผู้ประมาณ 30 อัน ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร รังไข่มีลักษณะกลม ส่วนก้านเกสรเพศเมีย 1 อัน ติดด้านข้างของรังไข่


รักใหญ่ thai-herbs.thdata.co | รักใหญ่ สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ผล ลักษณะค่อนข้างกลม ผนังชั้นในแข็ง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-3 เซนติเมตร มีส่วนของกลีบดอกที่ขยายเป็นปีกที่โคนก้านผลสีแดง มี 5 ปีก เป็นรูปขอบขนาน ระหว่างโคนปีกกับผลมีก้านเชื่อมกัน ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร และปีกยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร มีเส้นปีกชัดเจน

สภาพนิเวศวิทยา: พบตามป่าผลัดเบญจพรรณ ป่าผลัดใบ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา ทุ่งหญ้าโล่ง เขาหินปูน ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,000 เมตร

ถิ่นกำเนิด: อัสสัม ไปจนถึงไทย.

การกระจายพันธุ์: อัสสัม, ลาว, เมียนมาร์, ไทย, เวียดนาม

รักใหญ่ thai-herbs.thdata.co | รักใหญ่ สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

การปลูกและการขยายพันธุ์: ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

สรรพคุณ:

-ตำรายาไทย

*เปลือกต้น รสเมา สรรพคุณ บำรุงกำลัง แก้กามโรค แก้บิด แก้ท้องร่วง แก้ปวดข้อเรื้อรัง แต่ทำให้อาเจียน 

*เมล็ด เรียกว่า ลูกรักเทศ รสขมฝาด สรรพคุณแก้แผลในปาก ในคอเปื่อย แก้ปวดฟัน แก้คุดทะราด ริดสีดวง แก้อักเสบและปวดไส้เลื่อน 

*ราก รสเมาเบื่อ  สรรพคุณ แก้โรคผิวหนัง พยาธิลำไส้ ไอ และโรคตับ 

*ยาง รสขมเอียน สรรพคุณ กัดทำลาย ถ่ายอย่างแรง แก้ปวดฟันแก้โรคผิวหนัง (อันตราย) อาจทำให้มีอาการผื่นคันได้

องค์ประกอบทางเคมี: 

-น้ำยาง พบสาร กลุ่มแคทีคอล (catechol) รวมเรียกว่า ทิตซิออล (thitsiol) ได้แก่ 4-heptadecadienyl catechol, 4-heptadecanyl catechol อนุพันธ์ฟีนอล เป็นองค์ประกอบหลักประมาณ 60-70%, น้ำ 20-30%, เอนไซม์แลคเคส (laccase), กัม และไกลโคโปรตีนที่ละลายน้ำได้

การศึกษาทางเภสัชวิทยา: -

การศึกษาทางพิษวิทยา:

-น้ำยางสด มีสารพิษ Phenol ซึ่งออกฤทธิ์ระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบและมีอาการคันมาก ทำให้เกิดอาการบวมแดง พองเป็นตุ่มน้ำใส และอาจลุกลามรุนแรงจนเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังได้ สำหรับวิธีการรักษาเบื้องต้นให้รีบล้างออกด้วยสบู่และน้ำสะอาด และทาด้วยครีมสเตียรอยด์วันละ 1-2 ครั้ง เช่น ครีม prednisolone 5% หรือ triamcinolone acetonide 0.025%-0.1% ส่วนผู้ที่มีอาการแพ้ปานกลางหรือรุนแรง จำเป็นต้องรับประทานเพรดนิโซโลน (Prednisolone) ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า หรือทั้งเช้าและเย็น แล้วอาการจะดีขึ้นภายใน 6-12 ชั่วโมง ส่วนผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง ก็อาจจะต้องรับประทานยานี้นานถึง 2 สัปดาห์ โดยให้ลดขนาดลงมาทุกวันจนกระทั่งหยุดยา

-ขนจากใบแก่เป็นพิษต่อผิวหนัง เมื่อถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการคันทั่วตัว และอาจทำให้คันอยู่นานนับเดือน ผิวหนังอาจบวม ซึ่งชาวบ้านจะแก้โดยวิธีการใช้เปลือกและใบสักมาต้มกับน้ำอาบ

การใช้ประโยชน์:

-น้ำยาง สามารถนำมาใช้ทำน้ำมันเคลือบเงาได้ โดยน้ำยางใสเมื่อถูกอากาศจะเปลี่ยนเป็นสีดำและเป็นมัน การใช้ยางรักจากต้นรักใหญ่ทางภาคเหนือรู้จักกันมาช้านานแล้ว โดยนำมาใช้เป็นวัสดุสำคัญในงานศิลปกรรมเพื่อผลิตเครื่องรักประเภทต่าง ๆ (การลงพื้นหรือทาสิ่งต่าง ๆ เรียกว่า “ลงรัก”) ซึ่งเป็นงานประณีตศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย เช่น การนำใช้ทาไม้เครื่องเขินเพื่อลงลวดลาย, ทากระดาษกันน้ำซึม, ทาไม้รองพื้นสำหรับปิดทอง ที่เรียกว่า “ลงรัก ปิดทอง”, งานประดับมุก, งานเขียนลายรดน้ำ เป็นต้น

-เนื้อไม้ เป็นสีแดงเข้ม มีริ้วสีแก่แทรก เป็นมันเลื่อม แต่เสี้ยนสน เนื้อไม้ค่อนข้างเหนียวละเอียด มีความแข็งแรงทดทาน ไสกบตบแต่งยาก แต่ชักเงาได้ดี สามารถใช้ทำบัวประกบฝาเครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องกลึง เครื่องมือทางการเกษตร เสา คาน ไม้อัด กระสวย รางปืน รางรถไฟ เป็นต้น



ข้อมูลในระบบนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ ประกอบการเรียนการสอน | copyright © thai-herbs.thdata.co

สร้างบทความของคุณ โดยวิธีการง่ายๆ



แชร์ข้อมูล




ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง