Select your language TH EN
เภสัชวัตถุ พืชวัตถุ  thai-herbs.thdata.co thdata.co

อ่านบทความอัตโนมัติ



ชื่อไทย: ช้าพลู (ผักอีไร)

ชื่อท้องถิ่น: ช้าพลู (ภาคกลาง)/ ผักพลูนก พลูลิง ปูลิง ปูลิงนก ผักปูนา (ภาคเหนือ)/ ผักแค ผักอีเลิด ผักนางเลิด (ภาคอีสาน)/ นมวา (ภาคใต้)

ชื่อสามัญ: Wildbetal leafbush

ชื่อวิทยาศาสตร์: Piper sarmentosum Roxb.

ชื่อวงศ์: PIPERACEAE

สกุล: Piper 

สปีชีส์: sarmentosum

ชื่อพ้อง: 

-Chavica hainana C.DC.

-Chavica sarmentosa (Roxb.) Miq.

-Peperomia sarmentosa (Roxb.) A.Dietr.

-Piper albispicum C.DC.

-Piper allenii C.DC.

-Piper baronii C.DC.

-Piper brevicaule C.DC.

-Piper diffusum Blume ex Miq.

-Piper gymnostachyum C.DC.

-Piper hainana (C.DC.) K.Schum.

-Piper lolot C.DC.

-Piper pierrei C.DC.

-Piper saigonense C.DC.

-Piper siassiense C.DC.

-Piper zamboangae C.DC.

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:

ช้าพลู thai-herbs.thdata.co | ช้าพลู สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ต้นช้าพลู เป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มเตี้ย เป็นไม้พันอาศัย หรือเถาทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ปลายยอดตั้งขึ้น ลำต้นสีเขียวกลม มีข้อเป็นปม สูง 30-80 เซนติเมตร มีไหลงอกเป็นต้นใหม่ได้ ใบมีกลิ่นหอมเฉพาะ ต้นและใบมีรสเผ็ดซ่าเล็กน้อย ดอก เป็นช่อออกตามซอกใบและตามปลายยอด 


ช้าพลู thai-herbs.thdata.co | ช้าพลู สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 7-15 เซนติเมตร สีเขียวเข้ม ผิวใบเป็นมันลื่น แผ่นใบบาง หลังใบและท้องใบเรียบ ตัวใบรูปหัวใจ ตัวใบตามยอดรูปขอบขนาน โคนใบเบี้ยว ปลายใบแหลม ตอนล่างของลำต้น ขอบใบเรียบ ด้านหลังใบมีขนตามเส้นใบ มีเส้นแขนงใบ 7 เส้น เห็นชัดเจน ใบช่วงล่างใหญ่กว่าใบยอดกิ่ง ก้านใบยาว 1-3 เซนติเมตร


ช้าพลู thai-herbs.thdata.co | ช้าพลู สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ดอก ออกดอกขนาดเล็กอัดเรียงกันเป็นช่อรูปทรงกระบอก ตั้งตรง ปลายมน คล้ายดอกดีปลีแต่สั้นกว่า ดอกย่อยแยกเพศ ช่อดอกตัวเมียยาว 6-8 มิลลิเมตร ช่อดอกตัวผู้ยาว ก้านช่อดอกยาว 1-2.5 เซนติเมตร ดอกย่อยมีขนาดเล็กมากกลีบดอกสีขาว เส้นผ่านศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตร


ช้าพลู thai-herbs.thdata.co | ช้าพลู สรรพคุณ สมุนไพร ไทย

ผล เป็นผลสดสีเขียวเป็นกลุ่ม ลักษณะกลม ผิวมัน อัดกันแน่นอยู่บนแกน เมล็ดมีขนาดเล็ก 

สภาพนิเวศวิทยา: พบขึ้นตามที่ชื้นบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ หรือที่ร่มรำไร

ถิ่นกำเนิด: จีนทางตอนใต้ไปจนถึงอินโดจีน และทางตอนเหนือของออสเตรเลีย

การกระจายพันธุ์: -

การปลูกและการขยายพันธุ์: ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

สรรพคุณ:

-ตำรายาไทย

*ราก รสเผ็ดร้อนเล็กน้อย สรรพคุณ แก้คูถเสมหะ ขับเสมหะให้ตกทางทวารหนัก

*ต้น รสเผ็ดร้อนเล็กน้อย สรรพคุณ แก้เสมหะในทรวงอก

*ลูก (ดอก) รสเผ็ดร้อนเล็กน้อย สรรพคุณ แก้เสมหะในลำคอ

*ใบ รสเผ็ดร้อนเล็กน้อย สรรพคุณ ทำให้เสมหะงวดและแห้ง

-พิกัดยา ประกอบด้วย

1.“พิกัดตรีสาร” ได้แก่ รากเจตมูลเพลิง เถาสะค้าน รากช้าพลู สรรพคุณ แก้วาตะเสมหะ ปิดตะวาตะในกองธาตุ ฤดู อายุ และกองสมุฏฐาน

2.“พิกัดเสมหะผล” ได้แก่ ลูกช้าพลู รากดีปลี รากมะกล่ำเครือ สรรพคุณ แก้เสมหะ แก้สะอึก แก้เส้นอัมพฤกษ์อัมพาต แก้ลม

3.“พิกัดเบญจกูล” ได้แก่ ดอกดีปลี รากช้าพลู เถาสะค้าน รากเจตมูลเพลิง เหง้าขิงแห้ง สรรพคุณ กระจายกองลมและโลหิต แก้คูถเสมหะ แก้ลมพานไส้ บำรุงกองธาตุทั้ง 4

-บัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปรากฏการใช้ช้าพลู ในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆของร่างกาย ได้แก่

1.ยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ปรากฏตำรับ “ยาเบญจกูล” มีส่วนประกอบของช้าพลูร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ ใช้บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ “ยาประสะกานพลู” 

2.ยารักษากลุ่มอาการทางสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา ปรากฏตำรับ“ยาเลือดงาม” มีส่วนประกอบของช้าพลูร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ ใช้บรรเทาอาการปวดประจาเดือน ช่วยให้ประจาเดือนมาเป็นปกติ แก้มุตกิด 

องค์ประกอบทางเคมี: 

-ใบ การแยกสารบริสุทธิ์จากสารสกัดใบช้าพลูด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์ ได้สารประกอบ hydrocinnamic acid (1) และ β- sitosterol (2) โดยเปรียบเทียบกับสารมาตรฐานที่ทราบโครงสร้างแล้ว (น้อย และก้าน, 2526)

-ผล สารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากผลช้าพลู ประกอบด้วย amides 8  ชนิด ได้แก่  pellitorine (1), guineensine (2), brachystamide B (3), sarmentine (4), brachyamide B (5), 1-piperettyl pyrrolidine (6), 3’,4’,5’-trimethoxycinnamoyl pyrrolidine (7) และ sarmentosine (8)  สาร lignans 2 ชนิด ได้แก่  (+)-asarinin (9) และ  sesamin (10)และองค์ประกอบอื่น 4 ชนิด ได้แก่ 1-(3,4-methylenedioxyphenyl)-1E-tetradecene (11), methyl piperate (12) ส่วนผสมของ β-sitosterol (13) และ stigmasterol (14) (Rukachaisirikul, et al., 2004)

การศึกษาทางเภสัชวิทยา:

-ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ศึกษาในหนูขาวเพศผู้สายพันธุ์ Sprague-Dawley ให้หนูได้รับอาหารไขมันสูง ร่วมกับสารสกัดน้ำของรากช้าพลู เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับอาหารไขมันสูงร่วมกับยามาตรฐาน metformin เมื่อเลี้ยงหนูจนครบ 4 สัปดาห์ จึงทำการทดสอบการตอบสนองของอินซูลินต่อระดับน้ำตาลในเลือด ระดับอินซูลินในซีรั่ม น้ำหนักของตับอ่อน ลักษณะทางจุลกายวิภาคศาสตร์ของเนื้อเยื่อตับอ่อน อิมมูโนพยาธิวิทยาของ beta-galactosidase ระดับของ malondialdehyde (MDA) ซึ่งเป็นสารบ่งชี้การเกิดออกซิเดชัน และศึกษาการแสดงออกของยีนเป้าหมายของตับอ่อน ผลการศึกษาพบว่าหนูกลุ่มที่ได้รับอาหารไขมันสูงร่วมกับสารสกัดน้ำของรากช้าพลู และกลุ่มที่ได้รับอาหารไขมันสูงร่วมกับยามาตรฐาน metformin สามารถเพิ่มการแสดงออกของยีน glucose transporter-2 (GLUT-2) ของตับอ่อนได้อย่างมีนัยสำคัญ และควบคุมการแสดงออกของยีน nuclear factor-kappa B p65 (NF-kappa B p65) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยสรุปผลการศึกษาพบว่าสารสกัดน้ำจากรากช้าพลูสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด และปรับปรุงโครงสร้างทางจุลกายวิภาคของเซลล์ไอส์เลต และเซลล์อะซินาร์ของตับอ่อนในหนูที่ได้รับอาหารไขมันสูงให้มีลักษณะที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ภาวะการอักเสบ และการชราภาพของตับอ่อนในหนูที่ได้รับอาหารไขมันสูงดีขึ้น โดยการควบคุมการแสดงออกของยีน NF-kappa B p65 และลดระดับ  MDA ที่ตับอ่อน โดยรวมพบว่าสารสกัดสามารถเพิ่มการตอบสนองของอินซูลินผ่านการแสดงออกของยีน IRS-2 ในขณะที่สามารถปรับปรุงการรับสัญญาณของกลูโคสโดยการเพิ่มการแสดงออกของยีน GLUT-2 ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าสารสกัดน้ำจากช้าพลูมีความเหมาะสม สำหรับการปรับสมดุลของน้ำตาลกลูโคสได้ (Vongthoung, et al., 2016)

-ฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อะเซทิลโคลีนเอสเทอเรส การทดสอบฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์อะเซทิลโคลีนเอสเทอเรสในหลอดทดลอง ของของสารสกัดเมทานอลจาก ลำต้น และใบช้าพลู (อะเซทิลโคลีนเอสเทอเรส เป็นเอนไซม์ที่ทำลายสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีนในสมอง ที่มีผลต่อการเรียนรู้และความจำ การยับยั้งเอนไซม์นี้จึงสามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้) ทดสอบด้วยวิธี Ellman’s colorimetric method ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดเมทานอลของลำต้นช้าพลู และใบช้าพลู ในขนาดความเข้มข้น 100 µg/ml มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อะเซทิลโคลีนเอสเทอเรสได้ดีมาก โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 13.59 และ 26.74 µg/ml ตามลำดับ ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 สารมาตรฐาน eserine hemisulfate  มีค่า IC50 เท่ากับ 0.023 µg/ml (Werawattanachai and Kaewamatawong, 2016)

-ฤทธิ์ยับยั้งเกิดลิปิดเปอร์ออกซิเดชัน ศึกษาฤทธิ์ยับยั้งการเกิดลิปิดเปอร์ออกซิเดชันในหลอดทดลอง ของสารสกัดน้ำจากใบช้าพลู หาความสามารถรวมในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเปรียบเทียบกับกราฟมาตรฐานแกลลิกแอซิด ด้วยเทคนิคสเปกโตรโฟโตเมทรี ที่ค่าการดูดกลืนแสง 704 nm พบว่าสารสกัดน้ำจากใบช้าพลู มีความสามารถรวมในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เท่ากับ 0.144±0.0032 mg/ml เมื่อเปรียบเทียบกับกราฟมาตรฐานแกลลิกแอซิด การทดสอบฤทธิ์ยับยั้งการเกิดลิปิดเปอร์ออกซิเดชัน โดยวัดค่าการดูดกลืนแสงที่ 532 nm ใช้สารสกัดน้ำจากใบช้าพลูขนาด 0.3125, 0.625, 1.25, 2.50, 5.0 และ 10.00 mg/ml พบว่าสารสกัดทุกขนาดสามารถยับยั้งการเกิดลิปิดเปอร์ออกซิเดชันโดยใช้เฟอร์รัสซัลเฟตเหนี่ยวนำ ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่มีการเกิดลิปิดเปอร์ออกซิเดชัน โดยไม่มีสารสกัดช้าพลู โดยสารสกัดช้าพลูที่ความเข้มข้น 1.25 mg/ml  สามารถลดการเกิดลิปิดเปอร์ออกซิเดชันได้ดีที่สุด  สังเกตได้จากระดับ malondialdehyde (MDA) ซึ่งเป็นสารที่หลั่งออกมาเมื่อเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน (lipid peroxidation) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  (อโนดาษ์, 2556)

-ฤทธิ์ต้านการอักเสบ การทดสอบฤทธิ์ลดปวด และต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำจากใบช้าพลู ในสัตว์ทดลอง โดยฤทธิ์ลดปวดทดสอบด้วยวิธี writhing test (ใช้กรดอะซิติกเหนี่ยวนำเกิดการหดตัวช่องท้องของหนูถีบจักรเพศผู้) และวิธี hot plate (โดยจับเวลาที่หนูถีบจักร สามารถทนอยู่บนแผ่นความร้อน โดยสังเกตจากพฤติกรรมการเลียเท้า หรือกระโดดหนีความร้อน) ฤทธิ์ต้านการอักเสบ ดูผลการยับยั้งการบวมที่อุ้งเท้าหนูขาวสายพันธุ์ Sprague–Dawley เมื่อเหนี่ยวนำด้วยคาราจีแนน (carrageenan-induced paw edema assay) ผลการทดสอบฤทธิ์ลดปวดพบว่าเมื่อฉีดสารสกัดสมุนไพรเข้าใต้ผิวหนังหนูสามารถลดการปวดได้ทั้ง 2 วิธีการทดสอบ ฤทธิ์ลดปวดด้วยวิธี writhing testของสารสกัดใบช้าพลูขนาด 300 mg/kg และสารมาตรฐาน acetylsalicylic acid (ASA; 100 mg/kg) มีค่าเปอร์เซ็นต์การยับยั้งเท่ากับ 61.6 และ 76.6% ตามลำดับ และเมื่อให้สารสกัดสมุนไพรร่วมกับ naloxone ในขนาด 5 mg/kg พบว่าฤทธิ์ระงับปวดถูกยับยั้งได้ด้วยนาลอกโซน โดยพบว่าค่าเปอร์เซ็นต์การยับยั้งเท่ากับ 1.4% แสดงว่ากลไกการออกฤทธิ์ระงับปวดของสมุนไพร น่าจะเกี่ยวข้องกับตัวรับ opioidการทดสอบให้ผลเช่นเดียวกันในวิธี hot plate ธีการทดลองใช้คาราจีนินเหนี่ยวนำให้เกิดการบวมของอุ้งเท้าในหนู พบว่าการให้สารสกัดขนาด 100 และ  300 mg/kg ทั้งสองขนาดมีฤทธิ์ลดการบวมของอุ้งเท้าหนูได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Zakaria, et al., 2010)

-ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ ศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดใบช้าพลู สกัดใบช้าพลูแห้งด้วยการหมัก โดยตัวทำละลายชนิดต่างๆ คือ petroleum ether, hexane, dichlo­romethane, ethyl acetate และ methanol ทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ใช้วิธี DPPH (2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl) และ วิธี Ferric Reducing Antioxidant Power (FRAP) การทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์และฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ ใช้วิธี Ames test ในเชื้อแบคทีเรีย Samonella typhimurium 2 สายพันธุ์คือ TA98 และ TA100 ผลการวิจัยพบว่า วิธี DPPH สารสกัด hexane มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันดีที่สุด โดยให้ค่า EC50 เท่ากับ 29.63±0.56 μg/mL และ วิธี FRAP สารสกัด methanol ให้ฤทธิ์ดีที่สุด ค่า Fe (II) equivalent เท่ากับ 0.56±0.12 μmol/mg สารสกัดใบชะพลูไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ และสารสกัด dichloromethane มีฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ในการทดสอบโดยวิธี Ames test ได้ดีที่สุดในทั้งสองสายพันธุ์ จากงานวิจัยในหลอดทดลองครั้งนี้สรุปได้ว่า สารสกัดจากช้าพลูมีศักยภาพในการนำมาศึกษาต่อเพื่อที่จะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงร่างกายได้ (พัชรินทร์ และคณะ, 2557)

-ฤทธิ์ขับลม คลายกล้ามเนื้อ จากการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาช้าพลู ต่อลําไส้ส่วนอิเลียมของ หนูตะเภา และกล้ามเนื้อกระบังลมของหนูขาวที่ถูกแยกออกมาจากสัตว์ทดลอง โดยใช้สารที่ได้จากการสกัดช้าพลูด้วยเมทานอล พบว่าสารสกัดช้าพลูมีผลทําให้ความแรงและความถี่ในการหดตัวของลําไส้เพิ่มขึ้น โดยที่การตอบสนองของลําไส้จะเพิ่มมากขึ้นตามขนาดของสารสกัดที่ใช้ในการทดลอง (0.3, 1.0 และ 3.0 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร) และถูกต้านฤทธิ์ได้เพียงเล็กน้อยด้วยอะโทรปีนในขนาด 2.2x10-6  โมลต่อลิตร ส่วนผสมของสารสกัดช้าพลูต่อกล้ามเนื้อกระบังลมจะทําให้เกิดการตอบสนองเป็น 2 ระยะ โดยเริ่มด้วยการกระตุ้นแล้วตามด้วยการกด การหดตัวของกล้ามเนื้อกระบังลมในระยะต่อมา พวกโคลิเนอร์จิก และมีฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อกระบังลมคล้ายยากลุ่ม depolarized larized blocker ผลการทดลองนี้สนับสนุนข้อมูลการใช้ช้าพลูเป็นยาขับลมและยาคลายกล้ามเนื้อ (เมธี และคณะ, 2531)

-ฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย การทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย Plasmodium falciparum (K1, multidrug resistant strain) ในหลอดทดลอง ของสารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากผลช้าพลู ผลการทดสอบพบว่าสารกลุ่ม amide ได้แก่  sarmentine , 1-piperettyl pyrrolidine  มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย P. falciparum โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 18.9 และ 6.5 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร (Rukachaisirikul, et al., 2004)

-ฤทธิ์ต้านเชื้อวัณโรค การทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อวัณโรค ด้วยวิธี Microplate Alamar Blue Assay (MABA) ผลการทดสอบสารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากผลช้าพลู พบว่าสารกลุ่ม amide ได้แก่  sarmentine, 1-piperettyl pyrrolidine, ยามาตรฐาน isoniazid และ kanamycin มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อวัณโรค โดยมีค่า MIC เท่ากับ 100, 50, 0.05 และ 2.5 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ ในขณะที่ pellitorine, guineensine, brachyamide B, sarmentosine  และ 1-(3,4-methylenedioxyphenyl)-1E-tetradecene  มีฤทธิ์รักษาวัณโรคอย่างเดียว โดยมีค่า MIC เท่ากับ 25 , 50 , 50 , 200 และ 25 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ (Rukachaisirikul, et al., 2004)

การศึกษาทางพิษวิทยา:

-ผลต่อความเสียหายของโครโมโซม ของเซลล์ไขกระดูกของหนูขาว การศึกษาพิษของสารสกัดน้ำของต้นช้าพลูในการชักนําให้เกิดไมโครนิวเคลียสของเซลล์เม็ดเลือดแดงชนิด Polychromatic ในไขกระดูก ทําโดยให้สารสกัดช้าพลูในขนาด 1,5 และ 10ก./กก.น้ำหนักตัว ทางปากกับหนูขาวพันธุ์วิสตาร์เพศผู้โตเต็มวัยในแต่ละกลุ่ม จากนั้นฆ่าหนูด้วยอีเทอร์ที่ 30 ชั่วโมงหลังได้รับสารทดสอบ และเก็บตัวอย่างจากไขกระดูกหนู นอกจากนี้สําหรับหนูที่ได้รับสารในปริมาณ 10 ก./กก.น้ำหนักตัวทางปาก เก็บตัวอย่างจากไขกระดูกหนูเพิ่มเติมที่  24, 48 และ 72 ชั่วโมง หลังได้รับสารสกัด หลังจากฆ่าหนูแล้วเก็บเซลล์ไขกระดูกมาย้อมสี และนับจํานวนเม็ดเลือดแดงชนิดโพลิโครมาติก (Polychromatic erythrocytes; PCE) ที่มีไมโครนิวเคลียสจากจํานวนเซลล์ PCE 2000 เซลล์ต่อหนู 1 ตัว และนับจํานวนเม็ดเลือดแดง 400 เซลล์เพื่อหาอัตราส่วนระหว่าง PCE : Normochromatic erythrocytes (NCE) ผลการทดลองแสดงว่า สารสกัดช้าพลูแม้มีขนาดสูงถึง 10 ก./กก. น้ำหนักตัว ไม่มีผลในการชักนําให้เกิดไมโครนิวเคลียสกับเซลล์ PCE ในไขกระดูกของหนูในทุกช่วงเวลาที่กําหนด เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับน้ำเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ค่า PCE : NCE ratio ของหนูที่ได้รับสารสกัดช้าพลูในขนาดต่างๆ และในทุกช่วงเวลาที่กําหนด ก็ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ กับหนูกลุ่มที่ได้รับน้ำอย่างเดียวเช่นเดียวกัน ซึ่งผลการทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า สารสกัดช้าพลูในขนาดที่ให้หนูนั้นไม่มีผลทําให้เกิดความเสียหายต่อโครโมโซมของเซลล์ไขกระดูก และไม่มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์ เมื่อทดสอบโดยวิธีดูไมโครนิวเคลียส (ปรานอม และคณะ, 2547)

การใช้ประโยชน์:

-บรรเทาอาการบิด ด้วยการใช้ราก ประมาณครึ่งกำมือ ใช้ผลประมาณ 3 หยิบมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 1 ถ้วยแก้ว แล้วนำมาดื่มครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว

-บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง ด้วยการใช้ทั้งต้น ประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว 

-ช่วยขับลมในลำไส้ ด้วยการใช้ทั้งต้น ประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว 

-ใบชะพลู มีเบต้าแคโรทีนในปริมาณมากซึ่งช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยในการมองเห็น ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน แก้โรคตาฟาง เป็นต้น 

-ใบชะพลู มีรสเผ็ดร้อน ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น

-ใบชะพลู มีรสเผ็ดร้อน และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ จึงนิยมนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู อาทิ เมี่ยงคำ แกงอ่อม หรือเป็นผักเคียงทานกับข้าวยำ และน้ำพริกต่างๆ ในภาคอีสานนิยมนำมาทำแกงอ่อม แกงหอย นำมาทำเป็นผักกินกับลาบอีสาน ตำมะม่วงที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งจะให้รสชาติออกเผ็ด เย็นเล็กน้อย




ข้อมูลในระบบนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ ประกอบการเรียนการสอน | copyright © thai-herbs.thdata.co

สร้างบทความของคุณ โดยวิธีการง่ายๆ



แชร์ข้อมูล




ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง