Select your language TH EN

อื่นๆ ความรู้ทั่วไป thai-herbs.thdata.co thdata.co

อ่านบทความอัตโนมัติ

พันธุกรรมมีผลต่อความดันโลหิตสูงหรือไม่?

หากพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งของคุณมีความดันโลหิตสูงคุณก็อาจได้รับเช่นกัน นี่คือลักษณะที่พันธุกรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจมีผลต่อความเสี่ยงของคุณ

“เมื่อพูดถึงความดันโลหิตสูง ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น” “ถ้าแม่ของคุณเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคเบาหวาน คุณก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นกัน เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง” ยีนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้ แต่ครอบครัวก็มักจะกินแบบเดียวกันและมักจะมีความคล้ายคลึงกันในการออกกำลังกาย นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับความดันโลหิตสูงบ ทบาทที่เป็นไปได้ของยีนในความดันโลหิตสูง และตัวเลือกวิธีการรักษาที่มีอยู่

ความดันโลหิตสูงคืออะไร?

ความดันโลหิตสูงเกิดขึ้นเมื่อแรงของเลือดที่ไหลผ่านหลอดเลือดแดงหัวใจของคุณแรงเกินไป มันสามารถสร้างความเสียหายหลอดเลือดแดงและนำคุณไปยังหัวใจวาย, โรคหลอดเลือดสมอง , โรคไตและปัญหาการมองเห็น มันมักจะไม่แสดงอาการใด ๆ จนกว่าความเสียหายนี้จะเริ่มขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุที่เรียกว่าฆาตกรเงียบ

ความดันโลหิตบันทึกเป็นตัวเลขสองตัว ความดันซิสโตลิกตัวเลขตัวบนในการอ่านคือความดันเมื่อหัวใจเต้นและสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย ความดันไดแอสโตลิก (Diastolic) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป็นแรงเมื่อหัวใจของคุณหยุดพักและเต็มไปด้วยเลือด

ความดันโลหิตน้อยกว่า 120/80 มม. ปรอทถือเป็นเรื่องปกติ ความดันโลหิตสูง (aka hypertension) ได้รับการวินิจฉัยเป็นระยะ ความดันโลหิตสูงระยะที่ 1 คือการอ่านค่าความดันโลหิต 130/80 มม. ปรอทหรือสูงกว่า ความดันโลหิตสูงระยะที่ 2 คือความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มม. ปรอท

ความดันโลหิตสูงเกิดจากอะไร?

บางครั้งความดันโลหิตสูงเป็นผลมาจากสภาวะพื้นฐาน เช่น ความผิดปกติของไต โรคหลอดเลือด หรือความผิดปกติของฮอร์โมน สิ่งนี้เรียกว่าความดันโลหิตสูงทุติยภูมิ

หลายสิ่งมีผลต่อความดันโลหิต รวมถึงบางสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพที่เต็มไปด้วยเกลือ การขาดการออกกำลังกาย โรคอ้วน โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ ความเครียด และการบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป สิ่งอื่น ๆ เช่นอายุ ประวัติครอบครัว เพศ เชื้อชาติ หรือชาติพันธุ์ ก็ส่งผลต่อความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของคุณ

ตัวอย่าง เช่น คนผิวดำเป็นโรคความดันโลหิตสูงบ่อยกว่าคนผิวขาวตามที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ระบุ และยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของความดันโลหิตสูง ที่พบมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด

ยีนความดันโลหิต

ยีนบางตัวอาจเกี่ยวข้องกับระบบ renin-angiotensin-aldosterone ซึ่งเป็นระบบที่ผลิตฮอร์โมนเพื่อควบคุมความดันโลหิตและช่วยปรับสมดุลของของเหลวและเกลือในร่างกาย เมื่อไตของคุณไม่สามารถควบคุมของเหลวและเกลือได้อย่างเหมาะสมความดันโลหิตอาจสูงขึ้น ยีนอื่น ๆ ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนการทำงานปกติของเยื่อบุหลอดเลือด

ในการศึกษายีนความดันโลหิตที่รวมคน 1 ล้านคน นักวิจัยระบุบริเวณยีนใหม่ 535 แห่งที่อาจมีผลต่อความดันโลหิต การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในปี 2018 ในNature Genetics ยังพบว่าหลายพื้นที่เหล่านี้เกี่ยวข้องกับต่อมหมวกไตเหนือไตและไขมันในร่างกาย

เพื่อให้ได้ผลการวิจัยของพวกเขานักวิจัยได้อ้างถึงข้อมูลทางพันธุกรรมและข้อมูลความดันโลหิต จากนั้นจึงเปรียบเทียบกลุ่มที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมสูงสุดของความดันโลหิตสูงกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าตัวแปรทางพันธุกรรมทั้งหมดมีความสัมพันธ์กับการมีความดันโลหิตสูงขึ้นประมาณ 13 มิลลิเมตรปรอท เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง 3.34 เท่าและเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ไม่ดี 1.52 เท่า เช่น หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง

หนึ่งในบริเวณยีนที่ค้นพบใหม่ มีเป้าหมายโดยยาเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับการอนุมัติ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจมีการรักษาอยู่แล้ว หากผลการวิจัยได้รับการยืนยันนักวิจัยตั้งข้อสังเกต การศึกษายังแสดงให้เห็นว่ายีน APOE ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในการเชื่อมโยงกับโรคหัวใจและอัลไซเมอร์ ก็มีผลต่อความดันโลหิตเช่นกัน

ฉันจะรักษาความดันโลหิตสูงได้อย่างไร?

ปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาที่จำกัด จนกว่าจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีการบำบัดแบบกำหนดเป้าหมายที่ดีกว่าเพื่อย้อนกลับ หรือควบคุมว่ายีนมีผลต่อความดันโลหิตอย่างไร การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตโดยมีหรือไม่มียาลดความดันโลหิตเป็นวิธีการจัดการกับความดันโลหิตสูง และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และผลกระทบอื่น ๆ ของความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุม

1. การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

อาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจและเกลือต่ำ เช่น วิธีการควบคุมอาหารเพื่อหยุดความดันโลหิตสูง (DASH) การออกกำลังกายเป็นประจำ (โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิค) การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น ไม่สูบบุหรี่ และหาวิธีจัดการกับความเครียด

*DASH การจำกัด เกลือ เนื้อแดง และน้ำตาล ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ อาหารที่อุดมไปด้วยผักและผลไม้สด โปรตีนไม่ติดมัน เมล็ดธัญพืช

2. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายก็สำคัญเช่นกัน ทุกขั้นตอนที่คุณใช้สามารถช่วยลดความดันโลหิตของคุณและนี้เพิ่มขึ้นเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตามการวิจัยที่นำเสนอในที่ 2020 วิทยาลัยอเมริกันของโรคหัวใจของการประชุมทางวิทยาศาสตร์ประจำปี ในการศึกษานี้ความดันโลหิตซิสโตลิกลดลงประมาณ 0.45 จุดสำหรับทุกๆ 1,000 ก้าวที่ผู้เข้าร่วมทำในแต่ละวัน ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณทำ 10,000 ก้าวต่อวันคุณอาจมีความดันโลหิตซิสโตลิกที่ต่ำกว่า 2.25 คะแนนถ้าคุณทำ 5,000 ก้าวต่อวัน

3. นอน

นอนในที่ที่มีระดับออกซิเจนเพียงพอ “ในตอนกลางคืนถ้าหัวใจของคุณไม่ได้รับออกซิเจนมันจะหลั่งฮอร์โมนแองจิโอเทนซิน II ออกมาซึ่งจะไปเพิ่มความดันโลหิต และทำให้หลอดเลือดแดงของคุณหดตัว”

ประวัติครอบครัวของฉันสำคัญแค่ไหน?

นอกเหนือจากการถามเรื่องอาหารการออกกำลังกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตอื่น ๆ แล้วแพทย์ของคุณยังจะถามคุณเกี่ยวกับประวัติครอบครัวของคุณหากความดันโลหิตของคุณสูง

“ถ้าพ่อแม่ของคุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ เรารู้ว่าคุณมีความเสี่ยงมากขึ้น สิ่งนี้จึงเป็นแนวทางในการตัดสินใจในการรักษาของเรา”

ปรากฎว่าสุขภาพหัวใจของปู่ย่าตายายของคุณก็มีความสำคัญเช่นกัน การศึกษาในปี 2017 ใน European Heart Journal ชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงไม่เพียงส่งต่อจากพ่อแม่สู่ลูก แต่ยังส่งต่อจากปู่ย่าตายายไปจนถึงรุ่นหลานอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความดันโลหิตสูงก่อนอายุ 55 ปี ในปู่ย่าตายายมีความสัมพันธ์กับการมีความดันโลหิตสูงในหลาน สิ่งนี้จัดขึ้นแม้ว่านักวิจัยจะควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกายการบริโภคเกลือและแอลกอฮอล์

ยิ่งไปกว่านั้นหลาน ๆ แทบไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกับปู่ย่าตายายของพวกเขา และไม่ได้อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมเดียวกันเลย การศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของยีนในความดันโลหิตสูงที่ยังต้องได้รับการวิเคราะห์

สุดท้ายแล้ว ยีนไม่ใช่โชคชะตาเมื่อพูดถึงความดันโลหิตสูง การรู้ตัวเลขของคุณและทำตามขั้นตอนเพื่อให้ได้มาซึ่งจุดเริ่มต้น การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตการใช้ยาและการรักษาความผิดปกติใด ๆ สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้